วุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนไทย... ความคิดเห็นส่วนตัวต่อกรณีน็อต #กราบรถกู
ผมเห็นข่าวแว่บๆ บนฝีดของผม
ตอนบอกชื่อผมไม่แน่ใจว่าน้องเขาเป็นใคร ต่อพอเข้าไปถึงเนื้อข่าวทำให้ทราบว่าผมเคยเห็นผลงานของเขามานานหลายปีแล้ว
นึกเสียดายความสามารถของเขา ที่เหมือนจะทำหน้าที่พิธีกร ได้ดีทีเดียว (ผมไม่เคยเห็นผลงานอื่นๆ ของเขา)
เมื่อกลับไปดูที่มาของเรื่องเลยได้แต่คิดในใจว่าน้องเขา "กล้า" ทำแบบนั้นได้อย่างไร
คนเราโกรธโมโหกันได้ แต่ถึงขนาดทำให้ผู้อื่นด้อยค่าลงไปได้ขนาดนั้นผมคิดเห็นว่าไม่ใช่แค่อารมณ์แล้วที่พาเขาจมดิ่งทำพฤติกรรมแบบนั้นได้
การเข้าไปกระชากคอให้กลับมาที่รถ ต่อยทำร้ายร่างกายแล้วไม่พอยังบังคับขู่เข็ญจิตใจด้วยการให้กราบรถที่เขาคิดเห็นว่ามีค่ามากกว่าจิตใจของฝ่ายตรงข้าม
ผมย้ำตรงนี้อีกหนว่า เขากระทำไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์โมโหเท่านั้น แต่สะท้อนถึงวิธีคิดหรือสันดานของเขาด้วย ที่มองผู้อื่นๆ ในสังคมที่มองผ่านๆ ว่าถ้าไม่ได้มีที่ยืนแบบเขาคือคนที่ด้อยค่ากว่า
ดังนั้นผมจึงเห็นควรด้วยที่ต้นสังกัดต้องปรามการกระทำนี้ให้ได้บทเรียนด้วยการถอดทุกงานออก ตรงนี้ GMM และ ThaiPBS ทำถูกต้องแล้ว
หน้าที่ของเขาตรงนี้คือ ออกมาขอโทษแสดงความเสียใจอีกครั้ง เขาได้รับบทเรียนแล้ว และถ้าอยากอยู่ในที่สว่างอีก เขาต้องขอโอกาสอีกรอบด้วย แต่ถ้าต้องการอยู่เงียบๆ ต่อไป ไม่ต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงแล้ว ก็ค่อยว่ากันต่อไป
อีกอย่างที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้อีกหนคือ
สังคมเราติดเหตุการณ์ดราม่ามากเกินไป บางอย่างยิ่งเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์และไม่ได้มีส่วนได้เสียด้วยแล้ว ไม่ควรเทหน้าตัก ด่ากราด จัดคำหยาบคายให้สาสมใจ เพียงเพราะเขากับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และเหตุการณ์นั้นสำหรับเราคือรับไม่ได้
ผมเห็นคำด่าและพฤติกรรมอื่นๆ เช่นเข้าไปต่อว่าพ่อแม่ของเขา ด่าถึงบุพการี ปาไข่ ใส่บ้าน ใส่ร้าน อันนี้ผมว่าก็ต่ำเกินไป
เวลาเจอข่าวพวกนี้ ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นก็ขอให้ถอยออกมาซักพัก ซักระยะก่อนแล้วจึงแสดงออกก็ถือว่าดีไม่น้อย
ใจเขาใจเรานะครับ ถ้าหากเราพลาด แล้วมีใครต่อใครมาด่าเราก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าถึงไปด่าไปสร้างความหวาดกลัวให้พ่อแม่เราด้วย เราจะรู้สึกอย่างไร
ผิดเขาใหญ่ดั่งภูผา ความผิดข้าแค่เส้นผม นี่ผมว่าตระหนักกันหน่อยก็คงจะดีครับ
ตอนบอกชื่อผมไม่แน่ใจว่าน้องเขาเป็นใคร ต่อพอเข้าไปถึงเนื้อข่าวทำให้ทราบว่าผมเคยเห็นผลงานของเขามานานหลายปีแล้ว
นึกเสียดายความสามารถของเขา ที่เหมือนจะทำหน้าที่พิธีกร ได้ดีทีเดียว (ผมไม่เคยเห็นผลงานอื่นๆ ของเขา)
เมื่อกลับไปดูที่มาของเรื่องเลยได้แต่คิดในใจว่าน้องเขา "กล้า" ทำแบบนั้นได้อย่างไร
คนเราโกรธโมโหกันได้ แต่ถึงขนาดทำให้ผู้อื่นด้อยค่าลงไปได้ขนาดนั้นผมคิดเห็นว่าไม่ใช่แค่อารมณ์แล้วที่พาเขาจมดิ่งทำพฤติกรรมแบบนั้นได้
การเข้าไปกระชากคอให้กลับมาที่รถ ต่อยทำร้ายร่างกายแล้วไม่พอยังบังคับขู่เข็ญจิตใจด้วยการให้กราบรถที่เขาคิดเห็นว่ามีค่ามากกว่าจิตใจของฝ่ายตรงข้าม
ผมย้ำตรงนี้อีกหนว่า เขากระทำไม่ใช่เพียงเพราะอารมณ์โมโหเท่านั้น แต่สะท้อนถึงวิธีคิดหรือสันดานของเขาด้วย ที่มองผู้อื่นๆ ในสังคมที่มองผ่านๆ ว่าถ้าไม่ได้มีที่ยืนแบบเขาคือคนที่ด้อยค่ากว่า
ดังนั้นผมจึงเห็นควรด้วยที่ต้นสังกัดต้องปรามการกระทำนี้ให้ได้บทเรียนด้วยการถอดทุกงานออก ตรงนี้ GMM และ ThaiPBS ทำถูกต้องแล้ว
หน้าที่ของเขาตรงนี้คือ ออกมาขอโทษแสดงความเสียใจอีกครั้ง เขาได้รับบทเรียนแล้ว และถ้าอยากอยู่ในที่สว่างอีก เขาต้องขอโอกาสอีกรอบด้วย แต่ถ้าต้องการอยู่เงียบๆ ต่อไป ไม่ต้องการเป็นผู้มีชื่อเสียงแล้ว ก็ค่อยว่ากันต่อไป
อีกอย่างที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้อีกหนคือ
สังคมเราติดเหตุการณ์ดราม่ามากเกินไป บางอย่างยิ่งเราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์และไม่ได้มีส่วนได้เสียด้วยแล้ว ไม่ควรเทหน้าตัก ด่ากราด จัดคำหยาบคายให้สาสมใจ เพียงเพราะเขากับเราไม่ได้เป็นอะไรกัน และเหตุการณ์นั้นสำหรับเราคือรับไม่ได้
ผมเห็นคำด่าและพฤติกรรมอื่นๆ เช่นเข้าไปต่อว่าพ่อแม่ของเขา ด่าถึงบุพการี ปาไข่ ใส่บ้าน ใส่ร้าน อันนี้ผมว่าก็ต่ำเกินไป
เวลาเจอข่าวพวกนี้ ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นก็ขอให้ถอยออกมาซักพัก ซักระยะก่อนแล้วจึงแสดงออกก็ถือว่าดีไม่น้อย
ใจเขาใจเรานะครับ ถ้าหากเราพลาด แล้วมีใครต่อใครมาด่าเราก็ยังพอทำเนา แต่ถ้าถึงไปด่าไปสร้างความหวาดกลัวให้พ่อแม่เราด้วย เราจะรู้สึกอย่างไร
ผิดเขาใหญ่ดั่งภูผา ความผิดข้าแค่เส้นผม นี่ผมว่าตระหนักกันหน่อยก็คงจะดีครับ
Comments