พ.ร.บ. สุดซอย ในสายตาประชาชนเล็กๆ คนหนึ่ง

กระแสร้อนแรงในบ้านเราตอนนี้ไม่มีเรื่องใดจะพ้นเรื่องความเห็นต่อพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ซึ่งชื่อจริงๆ ของร่างนี้ยาวมากคือ "ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมืองและผู้ได้รับผละกระทบทางการเมือง"

ว่าด้วยเรื่องกฏหมายพระราชบัญญัติคือกฎหมายประเภทหนึ่งของไทยที่สามารถถูกสร้างโดยการเสนอร่างจากที่มาหลากหลายนะครับ ครม.ก็เสนอร่างได้ ส.ส.ก็เสนอร่างได้ ประชาชนก็เสนอร่างได้ แต่กระบวนการรับร่างพระราชบัญญติในส่วนแรกคือสภาผู้แทนรราษฎร

กระบวนการคร่าวๆ ของการออกกฎหมายพระราชบัญญัติประกอบไปด้วยประมาณนี้นะครับ (อาจจะดูเพิ่มได้จาก Flowchart กระบวนการพิจารณากฎหมาย พ.ร.บ.)
  1. เสนอร่าง
  2. รับหลักการร่าง (ผ่านวาระ 1 ในสภาผู้แทนฯ)
  3. ปรับปรุง ถกเถียงร่าง (ผ่านวาระ 2 ในสภาผู้แทนฯ)
  4. รับร่าง (ผ่านวาระ 3 ในสภาผู้แทนฯ)
  5. ตรวจสอบเห็นชอบด้วย ส.ว.
  6. ทูลเกล้าขึ้นทรงลงพระปรมาภิไธย
  7. มีผลบังคับใช้
ร่างฯ ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้คือร่างที่ถูกเสนอโดยส.ส.วรชัย เหมะ ซึ่งในกระบวนรับหลักการร่าง สภามีมติเห็นชอบแนวทางของกฎหมายนี้คือ "ยกเว้นโทษให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่เข้าร่วมชุมนุมโดยจิตบริสุทธิ์ต้องการแสดงออกถึงแนวทางการเรียกร้อง และเว้นการยกโทษให้กับแกนนำการชุมนุมรวมถึงผู้กระทำผิดรุนแรง เช่น เผาสถานที่ราชการ ลักทรัพย์ ฆ่า สั่งการให้เกิดการฆ่า ฯลฯ"

จากกระบวนการรับร่าง ขั้นตอนต่อไปคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างนี้ได้แก้ไขร่างให้ร่างนี้กลับกลายเป็นแนวทางการนิรโทษกรรมชนิด "สุดซอย" คือยกเว้นโทษทั้งหมดที่เกิดขึ้น ในห้วงเวลาที่เรียกได้ว่าน่าสงสัยว่าร่างถูกสร้างเพื่อตอบโจทย์ต่อผู้ชุมนุมทางการเมืองหรืออะไรอย่างอื่นกันแน่?

ขอให้อ่านมาตราที่ 3 ในร่างกฎหมายฯ นี้ให้ชัดๆ
ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ.2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมายก็ให้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง 
การกระทำตามวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 
และเมื่อเปรียบเทียบกับมาตรา 3 ในร่างแรกก่อนได้รับการแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการ
ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง 
การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำใด ๆ ของบรรดาผู้ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสั่งการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในห้วงระยะเวลาดังกล่าว
จะเห็นได้ว่าลักษณะของการแก้ไขจากที่เคยให้ถูกจำเพาะเจาะจงให้เฉพาะกับผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง กลับถูกแก้ไขให้ครอบคลุมไปถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการโดย

References:

Comments

Popular posts from this blog

สุดท้ายมันทำให้ดีอะไรดีขึ้นบ้าง??

the first step.....

ST: ----ไปม.บูฯ มา----