รัฐประหารหนที่ 3 ในชีวิต
เมื่อวาน (22/05/2557) เป็นอีกวันในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสำหรับการปฏิวัติรัฐประหารหนที่ 12

ผมติดตามการประกาศยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาผ่านทางโทรทัศน์และมั่นใจว่านี่คือการยึดอำนาจ เมื่อเห็นว่าการประกาศออกทีวีหนนี้มีผู้นำเหล่าทัพพร้อมเพรียง
วินาทีที่ท่านใช้ชื่อหน่วยงานใหม่ แทนหน่วยงานควบคุมความสงบในช่วงที่ประกาศกฎอัยการศึกนั่นคือวินาทีที่ผมสบถออกมาว่า "เหี้ย"
ไม่ใช่ว่าเป็นคนหยาบคายหรือว่าอะไร
หากแต่ผมเฝ้าดูสถานการณ์ต่างๆ ดำเนินมาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แล้วพบว่าท่านผบ.ทบ.ยังคงสงวนท่าทีและถูกสารพัดคำด่าจากทุกทิศทุกทางเนื่องด้วยแนวทางการแสดงออกของเขา และไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วกองทัพนำโดยผบ.ทบ.จะเลือกหนทางที่ทำให้การเจริญเติบโตทางการเมืองของเราไม่ได้เดินหน้าหรืออะไรเลย
ผู้ที่มีบทบาทจะทำอะไรได้ กลับเลือกแนวทางที่เคยล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้วในปี 49
ผมเลือกใช้คำว่า "ล้มเหลวไม่เป็นท่า" เพราะพลเอกสนธิ บุญยกลิน ผู้นำการรัฐประหารหนที่แล้วไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย และผลลัพธ์จากการทำรัฐประหารหนแล้วย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อท่านลงเล่นการเมือง ในนามพรรค "รักสันติ"

และแนวทางปฏิบัติของท่านเองก็ "รักสันติ" สมชื่อพรรคของท่าน ด้วยการกลับไปร่วมรัฐบาลกับบุคคลชุดเดิมที่ท่านพยายามจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมานั้นเอง
พร้อมทั้งประโยคทอง "ให้ตายผมก็ตอบไม่ได้" ของท่านยังคงก้องหูผมอยู่ตอนนี้
กลับมาที่การรัฐประหารหนนี้
ท่าทีก่อนหน้านี้ของท่านผบ.ทบ.ยังพยายามวางตัวด้วยการสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูป เพียงแต่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนฟากฝ่ายใด หากแต่รับไม่ได้กับการพยายามแบ่งแยกประเทศ ต่อว่าเบื้องสูง หรือล้มล้างสถาบัน สำหรับผมถือเป็นการวางตัวที่เหมาะสมในฐานะผู้นำกองทัพและสำหรับหน่วยงานที่มีแผลเหวอะหวะจากการทำพลาดในหนที่แล้ว
เมื่อกองกำลังของทั้ง 2 ฝักฝ่ายทั้ง กปปส. และ นปช. มีทีท่าว่าจะลุกฮือขึ้นมาก่อสงครามกลางเมือง เราเจอข่าว ปืน ยิงกัน ระเบิด M79 ต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ก่อนการรัฐประหาร
ผบ.ทบ.เลือกการประกาศใช้ พรบ.กฎอัยการศึก ตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถปฏิบัติได้ ผมเห็นด้วย และหวังใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เมื่อท่านสามารถสั่งการให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายเข้ามาเสนอทางออกร่วมกัน


เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการประกาศยึดอำนาจ แต่จากข่าวที่่ได้เสพมาก็เชื่อว่าเพราะการมี ego ทิฐิมานะ การไม่ยอมลดราวาศอกให้กับอะไรที่ตนเองต้องเป็นฝ่ายสูญเสียคือฉนวนเหตุที่ทำให้ผบ.ทบ.เลือกทางเดินให้กับประเทศชาติแบบนี้
ขอให้ยอมรับและขีดเส้นใต้สำหรับจุดยืนของผมไว้ว่า "ผมไม่สนับสนุนการรัฐประหารโดยทหารหนนี้"
ต่อเหตุผลสนับสนุนเพราะเราต้องก้าวข้ามกรอบข้อจำกัดเดิมๆ ของประเทศให้ได้ ประชาชนเป็นผู้ทำให้ประเทศนี้เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรประชาชนในประเทศนี้ต้องเป็นผุ้รับกรรม หรือเป็นผู้กำหนดรูปแบบการดำเนินต่อของประเทศนี้กันด้วยตนเอง
แต่ผมพยายามจะมองโลกแง่ดีว่า ผบ.ทบ.ได้พยายามทำทุกวิถีทางตามแนวทางสันติแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นได้
เขาจึงเลือกรับเอาความกดดันจากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ตนเอง
ผมจึงทำได้แค่เพียงคาดหวังว่า ท่านจะทำให้เรื่องนี้จบลงอย่างสร้างสรรค์และมีแนวทางอันชัดเจนต่อรูปแบบการปฏิรูปที่จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมและด้วยวิถีทางแห่งสันติภาพของคนไทย
เราคนไทยด้วย่กัน เราไม่ต้องรักกัน เราไม่ต้องรู้สึกดีต่อกัน แต่เราต้องรู้จักแสดงออกต่อกันอย่างชาญฉลาดและเห็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ผมขอให้ท่านที่ตอนนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว กำหนดแนวทาง แล้วสั่งให้ทุกฝ่ายเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นท่านจะโดนกระแสตีกลับที่พร้อมจะมีความรุนแรงมากกว่าเดิม
ถึงตรงนั้นเราคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย
ผมภาวนาให้ประเทศนี้ได้รับบทเรียนใดๆ บ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา

แล้ว
คุณ และ ผม ได้ เรียน รู้ อะไร บ้าง จาก การ เดินทาง ของ ห้วง เวลา ที่ ผ่าน มา บ้าง
ตอบตัวเองได้ ถือว่าคุ้มสำหรับ 10 ปีที่ผ่านมาครับ
ผมติดตามการประกาศยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาผ่านทางโทรทัศน์และมั่นใจว่านี่คือการยึดอำนาจ เมื่อเห็นว่าการประกาศออกทีวีหนนี้มีผู้นำเหล่าทัพพร้อมเพรียง
วินาทีที่ท่านใช้ชื่อหน่วยงานใหม่ แทนหน่วยงานควบคุมความสงบในช่วงที่ประกาศกฎอัยการศึกนั่นคือวินาทีที่ผมสบถออกมาว่า "เหี้ย"
ไม่ใช่ว่าเป็นคนหยาบคายหรือว่าอะไร
หากแต่ผมเฝ้าดูสถานการณ์ต่างๆ ดำเนินมาในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา แล้วพบว่าท่านผบ.ทบ.ยังคงสงวนท่าทีและถูกสารพัดคำด่าจากทุกทิศทุกทางเนื่องด้วยแนวทางการแสดงออกของเขา และไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วกองทัพนำโดยผบ.ทบ.จะเลือกหนทางที่ทำให้การเจริญเติบโตทางการเมืองของเราไม่ได้เดินหน้าหรืออะไรเลย
ผู้ที่มีบทบาทจะทำอะไรได้ กลับเลือกแนวทางที่เคยล้มเหลวไม่เป็นท่ามาแล้วในปี 49
ผมเลือกใช้คำว่า "ล้มเหลวไม่เป็นท่า" เพราะพลเอกสนธิ บุญยกลิน ผู้นำการรัฐประหารหนที่แล้วไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย และผลลัพธ์จากการทำรัฐประหารหนแล้วย่ำแย่ลงไปอีกเมื่อท่านลงเล่นการเมือง ในนามพรรค "รักสันติ"
และแนวทางปฏิบัติของท่านเองก็ "รักสันติ" สมชื่อพรรคของท่าน ด้วยการกลับไปร่วมรัฐบาลกับบุคคลชุดเดิมที่ท่านพยายามจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมานั้นเอง
พร้อมทั้งประโยคทอง "ให้ตายผมก็ตอบไม่ได้" ของท่านยังคงก้องหูผมอยู่ตอนนี้
กลับมาที่การรัฐประหารหนนี้
ท่าทีก่อนหน้านี้ของท่านผบ.ทบ.ยังพยายามวางตัวด้วยการสนับสนุนให้เกิดการปฏิรูป เพียงแต่ไม่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนับสนุนฟากฝ่ายใด หากแต่รับไม่ได้กับการพยายามแบ่งแยกประเทศ ต่อว่าเบื้องสูง หรือล้มล้างสถาบัน สำหรับผมถือเป็นการวางตัวที่เหมาะสมในฐานะผู้นำกองทัพและสำหรับหน่วยงานที่มีแผลเหวอะหวะจากการทำพลาดในหนที่แล้ว
เมื่อกองกำลังของทั้ง 2 ฝักฝ่ายทั้ง กปปส. และ นปช. มีทีท่าว่าจะลุกฮือขึ้นมาก่อสงครามกลางเมือง เราเจอข่าว ปืน ยิงกัน ระเบิด M79 ต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ก่อนการรัฐประหาร
ผบ.ทบ.เลือกการประกาศใช้ พรบ.กฎอัยการศึก ตามอำนาจหน้าที่ที่สามารถปฏิบัติได้ ผมเห็นด้วย และหวังใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เมื่อท่านสามารถสั่งการให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายเข้ามาเสนอทางออกร่วมกัน
เรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการประกาศยึดอำนาจ แต่จากข่าวที่่ได้เสพมาก็เชื่อว่าเพราะการมี ego ทิฐิมานะ การไม่ยอมลดราวาศอกให้กับอะไรที่ตนเองต้องเป็นฝ่ายสูญเสียคือฉนวนเหตุที่ทำให้ผบ.ทบ.เลือกทางเดินให้กับประเทศชาติแบบนี้
ขอให้ยอมรับและขีดเส้นใต้สำหรับจุดยืนของผมไว้ว่า "ผมไม่สนับสนุนการรัฐประหารโดยทหารหนนี้"
ต่อเหตุผลสนับสนุนเพราะเราต้องก้าวข้ามกรอบข้อจำกัดเดิมๆ ของประเทศให้ได้ ประชาชนเป็นผู้ทำให้ประเทศนี้เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรประชาชนในประเทศนี้ต้องเป็นผุ้รับกรรม หรือเป็นผู้กำหนดรูปแบบการดำเนินต่อของประเทศนี้กันด้วยตนเอง
แต่ผมพยายามจะมองโลกแง่ดีว่า ผบ.ทบ.ได้พยายามทำทุกวิถีทางตามแนวทางสันติแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นได้
เขาจึงเลือกรับเอาความกดดันจากทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ตนเอง
ผมจึงทำได้แค่เพียงคาดหวังว่า ท่านจะทำให้เรื่องนี้จบลงอย่างสร้างสรรค์และมีแนวทางอันชัดเจนต่อรูปแบบการปฏิรูปที่จะทำให้ทุกฝ่ายเข้าไปมีส่วนร่วมและด้วยวิถีทางแห่งสันติภาพของคนไทย
เราคนไทยด้วย่กัน เราไม่ต้องรักกัน เราไม่ต้องรู้สึกดีต่อกัน แต่เราต้องรู้จักแสดงออกต่อกันอย่างชาญฉลาดและเห็นผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ผมขอให้ท่านที่ตอนนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์แล้ว กำหนดแนวทาง แล้วสั่งให้ทุกฝ่ายเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นท่านจะโดนกระแสตีกลับที่พร้อมจะมีความรุนแรงมากกว่าเดิม
ถึงตรงนั้นเราคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย
ผมภาวนาให้ประเทศนี้ได้รับบทเรียนใดๆ บ้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
แล้ว
คุณ และ ผม ได้ เรียน รู้ อะไร บ้าง จาก การ เดินทาง ของ ห้วง เวลา ที่ ผ่าน มา บ้าง
ตอบตัวเองได้ ถือว่าคุ้มสำหรับ 10 ปีที่ผ่านมาครับ
Comments