หงส์แดงในปัจจุบัน

พูดถึงฟอร์มหงส์ช่วงนี้กันหน่อยครับ

ผมสนับสนุนเชียร์ทีมนี้มานาน ก่อนหน้านั้นในช่วงของรอย อีแวนส์ก็ได้เริ่มติดตามทีม และเป็นเดอะค็อปเต็มขั้นในยุคของเชราร์ อุลลิเย่ร์



ลักษณะการทำทีมของอุลลิเย่ร์คือฟุตบอลที่เน้นผลการแข่งขัน ทีมจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผลการแข่งขันที่ต้องการ อย่างน้อยทีมต้องไม่แพ้ ดังนั้นเราจะเห็นทีมประสบความสำเร็จกับบอลถ้วยในยุคนี้ค่อนข้างมาก หากจำได้สุดยอดความประสบความสำเร็จของทีมคือในปี 2001 ที่ทีมได้ 3 แชมป์บอลถ้วย คือ ลีกคัพ เอฟเอคัพ และยูฟ่าคัพ

การมีสเตฟาน อองโซซ์ และซามี่ ฮูเปีย คือสิ่งที่ผมต้องให้เครดิตอุลลิเย่ร์



ผมรักแดนหลังของทีมในช่วงนี้ที่สุด

ต่อมาในยุคของราฟาเอล เบนิเตซ ปรัชญาการทำทีมของเขาเน้นแดนกลาง การสร้างทีมที่มีสเตเฟ่น เจอร์ราร์ดเป็นแกนกลางคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนเห็นว่าลมหายใจของทีมในยุค 2000 คือเขาโดยแท้จริง นอกจากฝีมือการเล่นที่เป็นแก่นของทีมแล้ว หัวจิตหัวใจของกัปตันคือสิ่งที่กองเชียร์ทุกคนทั่วโลกอยากให้หัวหน้าทีมของทีมที่ตนเองรักมี ราฟาพยายามสร้างทีมที่สมดุล แก่นของทีมในแดนกลางถูกนำเข้ามา



การมี เจอร์ราร์ด และ ชาบี้ อลองโซ่ คือการเลือกใช้บุคลากรแดนกลางที่ตอบโจทย์ต่อแนวทางการทำทีมของเขา



ผมรักแดนกลางของทีมในช่วงนี้ที่สุด

ทีมล้มลุกคลุกคลานหลังยุคราฟาค่อนข้างมาก เราเปลี่ยนเจ้าของ เราเปลี่ยนแนวทางการทำทีม การสนับสนุนทางการเงินที่ไม่ช่วยให้ราฟาได้บริหารอย่างเต็มที่ทำให้เขาต้องออกจากทีมไป หลังจากนั้นเราได้ รอย ฮอดจ์สันที่อาจจะเคยได้พิสูจน์ตนเองในทีมใหญ่อย่างอินเตอร์มิลาน หรือในทีมเล็กอย่างฟูแล่มแต่กับลิเวอร์พูลก็ไม่ใช่ที่เขาจะแสดงศักยภาพอะไรออกมา จัดทีมแปลก ไม่มีการแก้ปรับแท็กติกระหว่างเกมส์ให้เห็น











จากนั้นเราได้ตำนานที่ทำทีมได้แชมป์ลีกหนสุดท้ายกลับสู่ทีมในช่วงที่ทีมต้องการผู้จัดการที่จะดึงรั้งทีมให้เงยหน้าขึ้นมาพยายามสร้างศรัทธาต่อทีมอีกหน เราได้เคนนี่ ดัลกลิชกลับมา



ปรัชญาการทำทีมของดัลกลิชคือการพยายามสร้างบรรยากาศของเร้ดแมชชีนให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอด หลายนัดที่ทีมทำผลงานได้ประทับใจ แต่ขาดความคงเส้นคงวาระยะเวลา 2 ปีทำให้ดัลกลิชตัองเปลี่ยนบทบาทในทีมขึ้นไปเป็นผู้บริหาร







จากนั้น คือยุคปัจจุบัน ทีมได้ผู้จัดการที่แทบจะไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ กับทีมใดๆ เลยอย่าง เบรนเด้น รอดเจอร์ส เข้ามาทำทีม ในฐานะกองเชียร์ตอนนั้นต้องบอกว่ากลัวมาก เพราะเราต้องการความสำเร็จที่สเสพได้ทันที เราไม่พร้อมกับผู้จัดการทีมหนุ่มที่ต้องใช้เวลาในการวางรากฐานทีมนานนัก และในปีแรกความลุ่มๆ ดอนๆ กับการทดลองหาสิ่งที่ดีที่สุดต่อทีมทำให้ทีมได้อันดับที่ 7 ในตารางลีพ และไม่ได้ไปซักถ้วยในยุโรป


ปีถัดมา ด้วยความเชื่อว่าร็อดเจอร์สได้ใช้เวลาในการหาสมดุลต่อทีมแล้ว เขาได้กลับสร้างทีมที่เต็มไปด้วยเด็กใหม่ที่มีพลังที่พร้อมจะระเบิดออกมา แกนกลางของทีมยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงนั่นคือกัปตัน แต่สิ่งที่กองเชียร์อย่างผมแปลกใจคือการเติมเต็มแนวรับด้วยการคว้ากองหลังมาเยอะ ตูเร่ ซาโก้ ซิสโซโก้ ในขณะที่ทีมมีกองหลังอยู่ค่อนข้างเยอะแล้ว


แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ โจ อัลเลน คือการเติมเต็มทีมในเกมส์กลางสนามและเกมส์รุก กับทรัพยากรเดิมที่ได้มาจากยุคดัลกลิชคือหลุยส์ ซัวเรสที่เกือบจะเป็นกองหน้าที่กองเชียร์ไม่ต้องการมากที่สุด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางที่คาดว่าจะมาทดแทนกัปตันในวันหน้า กลับกลายเป็นว่าร็อดเจอร์สเจอสูตรผสมอันลงตัว ได้ทีมที่สามารถสู้ได้ทุกทีม เกมส์รับคือสิ่งที่ยังเป็นข้อกังขากับการที่ได้กองหลังมาเยอะ แต่ทีมกลับเสียประตูมากมาย แต่ใครจะสนในเมื่อทีมยิงกระจายเป็นประวัติศาสตร์ และการประสานงานในเกมส์รุกทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ



จากเกมส์รุกโดยเฉพาะ 2 กองหน้าในยุคปัจจุบัน ผมรักกองหน้าในยุคนี้ที่สุด

เมื่อเปรียบเทียบกับการที่เราเคยมีคู่กองหน้าที่ทำงานประสานงานกันได้อย่างสวยหรูในยุคก่อนหน้า (เท่าที่มีโอกาสได้ชม)

ฟาวเลอร์ -- คอลลีมอร์

ฟาวเลอร์ -- โอเว่น

โอเว่น -- เฮสกีย์

ตอร์เรส (มักได้รับการจับให้เล่นหน้าเป้า)

ผมว่าการประสานงานของ สเตอร์ริดจ์ และซัวเรสทำได้สวยงามเต็มไปด้วยประสิทธิภาพกว่า

ปีนี้ทีมกำลังทำผลงานได้ดี แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้รอดเจอร์สปรับปรุงเรื่องการประสานงานของแผงหลังอีกนิด ขันมินโญเล่ต์อีกนิดทีมจะมุ่งไปยังเป้าหมายที่แท้จริงของเราแน่นอน

ปีนี้ขอ 1 ใน 4 ได้เล่นถ้วยใหญ่

ส่วนปีหน้า "พวกกูขอลุ้นแชมป์ลีกนะ ตัวเธอว์"

Comments

Popular posts from this blog

สุดท้ายมันทำให้ดีอะไรดีขึ้นบ้าง??

the first step.....

ST: ----ไปม.บูฯ มา----