สมัยนี้เขายังสอนเพลง เด็กเอ๋ยเด็กดี กันอยู่ไหม?




ทุกคนคงร้องกันได้นะครับ เพลงนี้
ข้อถามต่อการดำเนินชีวิตของผมเกิดขึ้นเมื่อได้เล่นทวิตเตอร์ และได้เห็นการวิพากย์วิจารณ์มากมาย

มันสะท้อนสภาวะสังคมที่พัฒนาและก้าวไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี

เด็กสมัยนี้ ทวิตกันรุนแรงและไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น

ข้อกังวลของผมเกิดขึ้นเมื่อได้ไตร่ตรองและคิดว่า
วันหนึ่งหากเขาต้องออกไปเผชิญความจริงของชีวิต และพบว่าความรับผิดชอบคืออะไรที่หนักหนาจริงๆ
เขาจะปรับตัวกับมันได้หรือไม่อย่างไร

ผู้เขียนเห็นว่าเพลงนี้สามารถนำไปใช้ได้จริง และหากปฏิบัติหรือคำนึงถึงมันบ้างในระหว่างการดำเนินชีวิต คนที่นำไปใช้จะสามารถดำรงตนให้อยู่ในสังคม "ไทย" ที่เรื่องของวัฒนธรรมประเพณี คือสิ่งที่เราต้องคำนึงถึงได้เป็นอย่างดี

ลองมาทวนกันหน่อยไหมว่าเพลงเขาสอนอะไรเราบ้าง

ท่อนฮุคของเพลงบอกว่า "เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมี หน้าที่ 10 อย่างด้วยกัน"

เพลงสอนเราตั้งแต่วรรคแรกเลยครับ ให้เรารู้จักหน้าที่ ผู้คนสมัยนี้เอาแต่ทวง "สิทธิ์" ของตนเองจนลืมสิ่งที่สำคัญกว่า และวัดความมีประโยชน์ของเขาไปเสียหมด การจะวัดว่าประชาชนหรือพลเมืองมีคุณภาพไม่ได้วัดที่สิทธิ์นะครับ แต่วัดกันจากที่พวกเขาได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบทบาทอย่างไร มีคุณภาพมากกว่า

อย่าลืมถามตัวเองนะ ทวงสิทธิ์กันยิกๆ เนี่ย ได้ทำหน้าที่ของตนเองดีพอแล้วหรือยัง?

10 ข้อมีดังนี้
  • หนึ่ง นับถือศาสนา
    • ผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรครับ ชอบตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ หรือ จะบอกว่าหาคำตอบไปทำไมอย่างเช่น "พระพุทธเจ้ามีจริงหรือ" "ทำไมเด็กทารกถึงเดินได้ 7 ก้าวในวินาที ประสูติกาล" "ตอนกูเกิดไม่เห็นมีใครมาถามเลยว่าจะเอาศาสนาอะไร ยัดเยียดศาสนาให้กูซะงั้น" เชื่อไหม ผมไม่สนนะ แม้ว่าใจจิตใจจะบอกว่าบางอย่างจริง บางอย่างคงไม่จริง ศาสนาคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจ ให้เรามีหลักยึดในชีวิตครับ คนไร้ศาสนาคือคนที่ดำเนินชีวิตโดยคำนึงถึงตนเองเท่านั้น กูสนุก กูสะดวก กูสบาย แล้วมึงจะทำไม คือจะกลายเป็นคนที่เอาความคิดของตนเองเป็นที่ตั้ง หรือเป็นคนเห็นแก่ตัวนั่นเอง
    • ผมไม่ได้บอกว่าให้หยุดการตั้งคำถามนะ บางคำถามคุณตั้งได้ และเห็นด้วยหากคุณจะตั้ง แต่บางอย่างมันวัดได้ว่าคุณแค่อยากโดดเด่นและต้องการหาคำตอบกับสิ่งที่หาคำตอบแน่ขัดไม่ได้ เพื่อให้คนถามกลายเป็นคนที่ดูโดดเด่นและเท่ห์ในสายตาคนอื่นนั่นเอง
  • สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
    • ขอให้คิดเสียว่าสิ่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติแล้วไม่ได้ขัดต่อความเจริญเติบโตของประเทศ หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีเป็นสิ่งที่ท่านควรปฏิบัติต่อไป อย่าได้ริอ่านคิดว่ามันเป็นเรื่องของความล้าหลัง ไร้ซึ่งเหตุผลเลย
  • สาม ช่วยพ่อแม่ครูบาอาจารย์
    • อย่าดูดายต่อสิ่งทีเห็นอยู่ตรงหน้าครับ เห็นพ่อแม่ทำงานอยู่ หรือครูบาอาจารย์ พยายามทำอะไรอยู่ ช่วยได้ขอให้เสนอตัวเลยครับ และอย่าได้รู้สึกแย่หากจะโดนตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไร หรือไม่ต้อง
  • สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
    • แหม่ พูดเรื่องนี้จะหาว่าผมดัดจริตอีก ผมไม่ปฏิเสธกับพฤติกรรมพูดจาหยาบคายของตัวเองนะ ผมหยาบกับเพื่อน ย้ำอีกครั้ง เพื่อนของผมเท่านั้น คนที่ไม่ใช่เพื่อน คนที่สูงกว่าผม คนที่ต่ำกว่าผม ผมไม่มีสิทธิ์ไปหยาบกับเขาครับ วาจาเดียวกันความหมายเดียวกัน แต่คำที่เลือกใช้ต่างกัน ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยนะครับ ดังนั้นอย่าคำว่า "ถ่อยแล้วเท่ห์" เลยครับ
    • มีคนสอนผมนะ เลือกใช้คำพูดที่เหมาะกับตัวเอง ไม่ใช่เหมาะกับคนฟังครับ คิดว่าตัวเองดีและสุภาพเลือกใช้คำสุภาพ คิดว่าตัวเองถ่อยไร้การศึกษาก็ใช้คำที่เหมาะกับตัวเองแบบนั้นไปครับ
    • อย่าหาว่าผมดัดจริตเลยครับ
  • ห้า ยึดมั่นกตัญญู
    • ตอบตัวเองให้ได้ว่า กว่าเราจะมาถึงจุดนี้ ต้องผ่านการถูกเกื้อกูลดูแลจากใครมาบ้าง การตอบแทนบุญคุณที่ควรทำคือสิ่งที่ผู้ได้รับการเกื้อกูลตระหนักรู้และได้กระทำการตอบแทนด้วยตัวเอง ไม่ใช่ถูกทวงบุญคุณแล้วจึงทำแบบส่งๆ
    • ขอให้ list ไว้เลยนะครับ ใครบ้างที่ทำให้เรามาถึงจุดนี้ของคุณ หรือจะช่วยให้คุณไปถึงจุดหมายปลายทางของท่านในขณะนี้
  • หก เป็นผุ้รู้รักการงาน
    • เป็นผู้รู้คงไม่ได้หมายถึงให้คุณเป็นพหูสูตหรอก หากแต่หมายถึงว่า "รู้ว่าตอนนี้คุณทำอะไรอยู่" หรือการมีสติรู้ตลอดมากกว่า ท่านตอบตัวเองในวินาทีนี้ว่าท่านทำอะไรอยู่ ท่านตอบตัวเองได้ว่า วันเดือนปี หนึ่งปี สิบปี ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ผมว่ามันก็น่าจะทำให้ท่านดำรงตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมนะ
    • รักการงาน ท่านมีงาน หรือภาระความรับผิดชอบอะไร ขอให้ทำมันอย่างใจรัก หลายคนอาจจะทำไม่ได้นะครับ เพราะตอนนี้ที่ถูกให้ทำอยุู่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่รัก แต่หากได้มีโอกาสเลือกทำ ขอให้ทำสิ่งทีชอบ ที่รักก่อนครับ สิ่งที่ต้องทำจะทำได้อย่างที่เรารู้สึกโอเคกับมัน ไม่ได้ถูกบีบบังคับให้ต้องทำสิ่งนั้นๆ
  • เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
    • เกรดหรือปลายทางคือผลพลอยได้เท่านั้น สิ่งที่อยู่ระหว่างทางหรือองค์ความรู้ที่จะได้ กรุณาเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด มีจุดไหนที่ไม่เคลียร์หรือรู้สึกว่าต้องการรู้มากกว่านี้ ทุกท่านอยู่ในจุดหรือสภาวะการณ์ที่สามารถเอาให้รู้ให้ได้อยู่แล้ว อย่าได้ปล่อยผ่านมันไป
  • แปด รู้จักออมประหยัด
    • ใช้เท่าที่มี กินเท่าที่หาได้ อยู่เท่าที่เราประคองตัวเองไหว นั่นเป็นประเด็นครับ อย่าพยายามมีให้เท่าคนอื่น เอาตัวเราเป็นศูนย์กลางการใช้เงิน น่าจะโอเคที่สุดครับ
    • ที่เหลือก็เก็บออมไปครับ
  • เก้า ซื่อสัตย์ตลอดกาล น้ำใจนักกีฬา กล้าหาญให้เหมาะกับการสมัยชาติพัฒนา
    • ซื่อสัตย์ต่อตัวเองอันนี้สำคัญมาก จากนั้นค่อยไปซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น สังคมรอบข้างนะครับ
  • สิบ ทำตัวให้มีประโยชน์ รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
    • ทำตัวให้มีประโยชน์คือการไม่สร้างปัญหาครับ ผมคิดว่าคำนี้สำคัญกว่าการให้มีประโยชน์นะครับ ตราบใดที่คุณไม่สร้างปัญหานั่นแปลว่าเสมอตัวครับ หลังจากขั้นตอนการไม่สร้างปัญหาแล้วกลายเป็นผู้แก้ปัญหา นั่นคือขั้นตอนต่อไป ท่านทำได้คือสุดยอดและถือว่าคุณทำตัวมีประโยชน์
    • บาปบุญคุณโทษทำให้คุณเกิดภาวะ หิริโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อการทำบาป คุณจะหวาดหวั่นทุกครั้งเมื่อตัวคุณพยายามทำชั่ว ทำเลว หรือทำอะไรที่ผิดทำนองคลองธรรม จุดนี้หากทุกคนในชาติมี ชาตินี้ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีผู้ถือกฎหมาย ไม่ต้องมีศาล เราจะอยู่ได้อย่างเกื้อกูลกัน
ทั้งหมดที่เขียนมา ผมพยายามบอกกับตัวเองด้วยนะครับ ไม่ได้หมายถึงว่าผมทำทั้งหมดนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วมาพยายามสั่งหรือสอนใคร

ผมสอนตัวเอง และยินดีมากหากจะได้วิพากย์วิจารณ์ร่วมกันกับคนที่ได้เข้ามาอ่านครับ

Comments

Unknown said…
ู^^ ดีจัง เยี่ยมมมมาก

Popular posts from this blog

ชวนดู Interstellar (สปอยล์ในระดับที่ผมเข้าใจ)

บุพเพสันนิวาส เมื่อละครสะท้อนความอยากรู้ของคนไทย