Life Update not Live Update

ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?
ผมถามตัวเอง หลังจากหนที่แล้วเคยมาเขียนซักเกือบปีที่แล้ว 555 งานหนักขนาดนั้น
หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ผมตั้งใจกับตัวเองซักประมาณอาทิตย์ที่แล้วว่าจะกลับมาเขียนอะไรบนนี้อีกหน

จะได้ดำรงชีวิตกับตัวเองมากขึ้น และหวังว่าเวลาจะมากขึ้นพอที่จะเขียนอะไรดีๆ ในนี้ได้อาทิตย์ละซัก 1 หน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชีวิต หรือ เรื่องเชิงวิชาการ ใครที่พลัดหลงเข้ามาในนี้ก็อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายหรือคิดว่าที่นี่เป็นเพียงไดอารี่ บ่นอะไรไร้สาระก็แล้วกันครับ

ผมตั้งหัววันนี้ไว้ว่า "ช่วงนี้เป็นไงบ้าง?" เหมือนคำทักทายธรรมดาของคนที่ไม่ค่อยได้เจอกันนะ แต่เชื่อไหมกับตัวเองที่เจอและรู้จักอยู่ทุกลมหายใจ เมื่อผมถามคำถามนี้ ผมยังไม่สามารถตอบกลับไปยังต้นตอของคำถามได้เลย ต้องใช้เวลาคิดอยู่พักนึงถึงจะเริ่มเขียนคำตอบได้

ผมกำลังพบทางโค้งอีกครั้งในชีวิต เป็นโค้งที่ต่อเนื่องมาจากโค้งหักศอกสำคัญในชีวิตคราวที่แล้วน่ะแหละ การโค้งครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ตั้งใจมานานแล้ว ไม่ได้ตกกระไดพลอยโจรให้เลี้ยวมาอย่างที่ใครๆ หลายๆ คนคิด

ผมตัดสินใจว่าจะศึกษาต่อในระดับปริญญาในเทอมแรกของการได้ทำงานสอน ว่าตนเองต้องพัฒนาตัวเองไปให้สุดทางก่อนที่จะวกกลับมาพัฒนาเด็กๆ นิสิตที่ผมคาดหวังว่าจะได้พัฒนาเขาให้ เป็นทั้งคนที่มีความรู้ในสายงานที่เขาควรมี และเป็นคนที่หัดคิดถึงผู้อื่นและดำรงตนอยู่บนการได้เอาใจเขามาใส่ใจเรารวมไปถึงมีสติรู้คิดกับสิ่งที่ตัวเองคิดตัวเองทำอยู่ตลอดเวลา

มาถึงตรงนี้ อย่างที่แรกผมที่ต้องขอบคุณคือตัวเองที่ได้ตัดสินใจถูกในโค้งที่แล้วที่นำผมมาในสายงานที่คิดว่าสนุกสนานและท้าทายเป็นอย่างมาก ที่ต้องขอบคุณต่อมาคือพ่อแม่บิดามารดาของผม ผมขอบคุณท่านในทุกๆ เรื่องที่ได้ปลูกฝัง สั่งสอน นำทาง สนับสนุนผมมาได้ไกลขนาดนี้ อย่างน้อยผมตอบตัวเองได้ว่า อย่างน้อยผมยังมีคนที่สนับสนุนผม ทำให้ผมไม่ต้องเริ่มต้นทุกสิ่งทุกอย่างจาก 0 เหมือนกับคนอื่นๆ หรือแม้แต่ตัวพวกท่านเอง

โค้งนี้ที่ผมวกมา จะเริ่มต้นในช่่วงเดือนหน้า ยังมีงานสอนที่ผมต้องกลับไปบริหารและเคลียร์ให้เสร็จเรียบร้อยอยู่สักประมาณ 2 เดือนได้ แต่หลังจากนั้น จะมีแค่ผม งานวิชาการ การเรียนเท่านั้นที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน (ตราบใดที่งานเก่าผมไม่มีปัญหานะ)

ผมขอสติรู้คิดให้ผมมาก ๆ ในการเดินทางด้านหน้าก็แล้วกัน

ในนี้จะมีหลายอย่างปรากฎขึ้น

  1. ชีวิต
  2. เทคโนโลยี
  3. งานวิชาการที่ผมสนใจ
แล้วคอยพบกับตอนต่อไป หนหน้าขอเป็นเชิงวิชาการบ้าง เผื่อมีคนหลงมาจะได้นำกลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์กันครับ :)

พิมพ์รัวๆ แบบนี้มันส์จัง 555 หายคิดถึงไปได้นิดนึง

ถ้าใครได้ดู John Carter หนังที่เจ๊งบ๊งไม่เป็นท่า ผมชอบวลีตอนจบของพระเอกที่ได้บอกกับ Ned หลานก่อนเขากลับไปที่ดาวอังคารที่ว่า
"Fall in Love, Write a book"
เป็นวลีต่อเนื่องที่พระเอกสอนหลานของเขาให้ดำรงชีวิตให้มีค่า ผม Fall in Love กับงานผม กับผู้หญิง
หนึ่งคน ทีนี้ผมตั้งใจจะ Write a book ละ 555

ฝาก trailer ไว้ เผื่อคนนึกไม่ออกครับ



เจอกัน Diary :)

Comments

Popular posts from this blog

สุดท้ายมันทำให้ดีอะไรดีขึ้นบ้าง??

the first step.....

ST: ----ไปม.บูฯ มา----