หัวเลี้ยวหัวต่อ


ผมคิดไปเอง

เมื่อไหร่ที่มีเรื่องไม่สบายใจเท่านั้นแหละ

ที่ผมจะคิดถึงการได้เขียน diary

มันเป็นการระบาย

ได้บอกถึงแนวคิด

วิธีการมองเห็นปัญหา

มองไปถึงข้างหน้า

สุดท้ายบอกถึงหนทางแก้ปัญหาในบั้นปลาย

ของผมเอง

ที่บอกใคร ก็คงไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นด้วยซะทุกอย่าง

ต่างคนก็ต่างคนมีความคิดเห็นต่อสิ่งต่าง ๆ เป็นของตัวเอง

หัวเรื่องบอกถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ

ผมรู้สึกนะ

ว่ารักของผมตอนนี้

ถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อแล้ว

บางคนบอก ผมคิดมาก เรื่องแค่นี้อ่ะนะ

ผมบอก มันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากพูด เป็นเรื่องที่ต้องคิดเองได้แล้ว

การที่เค้าคิดเองไม่ได้

มันบอกถึงอะไร

ชีวิตเค้ามีเรื่่องให้คิดมากพออยู่แล้ว

ผมแค่อยากรู้ว่าเค้าคิดถึงผมบ้างรึปล่าว

เคย ? ที่จะบอกว่าคิดถึงจากใจจิง

เคย ? ที่จะบอกรัก

โอเค เข้าใจว่ามันยาก

แต่ช่วยทำหน่อยได้มั้ย

บอกให้รู้สึกได้

ไม่ได้รู้สึกว่าถูำกคะยั้นคะยอหรืออะไร ถึงต้องพูดต้องทำออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะผมคิดมาก ปัญญา่อ่อนกับเรื่องไร้สาระมากเกินไป

ผมอยากรู้ว่า ถ้ากรณีนี้เกิดกับใครซักคนบ้าง

เค้าจะรู้สึกอย่างไร

แว่บแรก โอเค โกรธ

หลังจากนั้นผมเอามาคิดว่า เพราะเค้าเป็นของเค้าแบบนั้น

นิ่งเก็บ ไม่พูดและฟอร์มจัด

ไม่รู้สิ ความจิงผมก็ว่าผมไม่ใช่คนที่ช่างพูดหรือช่างเจรจาอะไร

แต่ทำไมผมต้องเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นคนที่ต้องพูดเปิดใจซะทุกทีไป

ฟังอย่างเดียว ไม่พูดอะไรบ้าง มันจะได้อะไร

จะรู้หรอ ว่าคิดอะไรอยู่

บางทีตอนนี้ผมอาจจะรอฟังคำที่ผมไม่อยากฟังที่สุดอยู่ก็ได้

ตอนนั้น ถ้าได้ยิน

ผมจะำทำยังไงนะ

อยากก้าวผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อนี้

ด้วยสิ่งที่ไ่ม่ค้างคาในใจ

แต่จะเป็นไปได้หรอ ?

คงไม่มีใครยอมเปลี่ยนตัวเอง เพื่อใครซักคนได้อย่างเต็มใจหรอก

ถ้าเค้าไม่ได้ "รัก"

ประสบการณ์นี้ดีจัง

อย่างน้อยผมได้บอกตัวเองว่า

อย่างน้อยผมก็เคยได้รัก

ผมไม่รู้ว่าผมถูกรักรึปล่าว

อยากถูกรักอย่างจิงใจบ้างจัง

ผมคิดว่าผมโตขึ้นมากนะ กับเรื่องแบบนี้

อาจจะเคยทรมานกับมันมาก

แต่ตอนนี้ผมรู้จักบริหารจัดการมัน

ผมคงโตขึ้นแล้วจิง ๆ

อยากให้ใครซักคนมาอ่านจัง T.TAlign Center

Comments

Popular posts from this blog

สุดท้ายมันทำให้ดีอะไรดีขึ้นบ้าง??

the first step.....

ST: ----ไปม.บูฯ มา----